ตำนานดอกไม้จากนิยายกรีก














ตำนานดอกไฮยาซินท์


ชายหนุ่มคนแรกคือไฮยาซินธัส (Hyacinthus) เจ้าชายแห่งสปาร์ตาไฮยาซินธัสเป็นชายหนุ่มรูปงามที่เก่งในการกรีฑามาก มิใช่อพอลโลจะหลงรักชายหนุ่มรูปนี้เพีงผู้เดียว เซเฟอร์ เทพเจ้าแห่งสายลมตะวันตกก็ตกหลุมรักกับไฮยาซินธัสเช่นกัน

ด้วยความริษยาอพอลโล เมื่ออพอลโลเล่นขว้างจักรอยู่กับไฮยาซินธัส เซเฟอร์จึงเป่าลมทำให้จักรที่อพอลโลขว้างพุ่งใส่ศีรษะของไฮยาซินธัส อพอลโลรีบรุดเข้าไปหาร่างที่ทรุดฮวบลงนั้นแต่ช้าไป ไฮยาซินธัสนั้นสิ้นลมหายใจเสียแล้ว ทำให้อพอลโลโศกเศร้าเป็นที่ยิ่ง

เพื่อให้ไฮยาซินธัสมีชีวิตอันเป็นอมตะ อพอลโลจึงเสกให้ดอกไม้งอกขึ้นบริเวณที่หยาดโลหิตของไฮยาซินธัสตกกระทบพื้นดินดอกไม้นั้นคือดอกไฮยาซิน (hyacinth) นั่นเอง  ว่ากันว่าน้ำตาแห่งความโศกเศร้าหยดลงบนดอกของดอกไฮยาซิน ทำให้เป็นรอยหยดน้ำบนกลีบน้อยๆของดอกไฮยาซินนั้น















ตำนานดอกทานตะวัน

นางไคลทีเป็นนางอัปสรประจำลำธาร นางหลงรักเทพอพอลโลในฐานะสุริยเทพ แต่อพอลโลไม่มีใจตอบ นางจึงได้แต่นั่งเฝ้ามองอพอลโลขับรถดวงตะวันข้ามฟากฟ้าตั้งแต่เช้าจรดเย็น ติดต่อกันถึง ๙ วัน โดยไม่เป็นอันกินอันนอน จนกระทั่งกลายเป็นดอกทานตะวัน คอยเฝ้ามองดวงตะวันไปตลอดกาล ดอกทานตะวันจึงเป็นสัญลักษณ์ของความมั่นคงจริงใจ เหมือนกับนางไคลทีที่มั่นคงต่อสุริยเทพแต่เพียงผู้เดียวจนต้องกลายเป็นดอกทานตะวันนั่นเอง


















ตำนานต้นลอเรส (ชัยพฤกษ์)


เริ่มต้นจากการอวดดีของอพอลโลที่ไปสบประมาทเจ้าเทพแห่งความรักตัวน้อยหรือคิวปิดเข้านั่นเองอพอ ลโลเห็นเจ้าคิวปิดเงื้อง่ายิงธนูก็ไปเยาะเย้ยว่าคิวปิดเป็นเด็กเป็นเล็กริ อ่านเล่นกับธนูซึ่งเหมาะกับชายฉกรรจ์อย่างตนมากกว่า ว่าแล้วอพอลโลก็โอ้อวดถึงชัยชนะที่ได้มาจากการใช้ธนูต่อสู้กับมังกรไพธอนคิวปิดโกรธมากจึงโต้ตอบว่า ถึงแม้อพอลโลจะสามารถใช้ธนูเอาชนะใครต่อใครได้หมด แต่ธนูอันน้อยของเขานี่แหละที่จะล้มอพอลโลลงได้พูดจบคิวปิดจึงแสดงอิทธิฤทธิ์ให้อพอลโลรู้ซึ้งถึงอานุภาพของธนูที่อพอลโลดูแคลนว่าเป็นของเด็กเล่นโดยคิวปิดได้ยิงศรทองคำไปปักอพอลโลให้หลงรักดาฟนีซึ่งเป็นธิดาน้อยของพีนีอุส (Peneus) เทพเจ้าแห่งแม่น้ำเข้าส่วนในขณะเดียวกันก็ได้ใช้ด้านปลายที่ทื่อของธนูปักที่ดาฟนีซึ่งจะทำให้ดาฟนีไม่มีวันรักใคร

ดังนั้นความรักของทั้งสองจึงไม่มีวันที่จะสมหวัง นี่คือการแก้แค้นของคิวปิดนั้นเอง

ดาฟนีนั้นเติบโตมา ด้วยความที่นางรูปงามจึงมีชายหนุ่มมาสนใจมากมาย แต่นางกลับไม่สนใจผู้ใด แถมยังนับถืออาร์เทมิสผู้เป็นเธพธิดาแห่งพรหมจรรย์อย่างเคร่งครัด เมื่อพีนีอุสถามบุตรีว่าเมื่อไหร่เล่าที่ท่านจะได้อุ้มหลานตาหากนางยังคงคอยปฏิเสธชายหนุ่มรูปงามทั้งหลายอยู่เช่นนี้
นางกลับออดอ้อนขอร้องต่อท่านพ่อให้ท่าประทานพรให้นางเป็นโสดไปชั่วชีวิต จนพีนีอุสใจอ่อนจึงประทานพรนั้นให้แก่นาง

วันหนึ่งอพอลโลได้เห็นนางดาฟนีเข้าเป็นครั้งแรกก็ถูกตาต้องใจเป็นอันมาก ผลจากการถูกศรรักปักอก อพอลโลหลงใหลในตัวนาง ไม่ว่าจะเป็นผมยาวสลวย ดวงตาแวววาม รวมทั้งริมฝีปากอ่อนหวานซึ่งอพอลโลสัญญากับตัวเองว่าจะไม่ยอมหยุดเพียงการ ได้แต่ลอบมองริมฝีปากของนางเป็นแน่ถึงแม้ท่านจะเป็นเทพแห่งการทำนายแต่ท่านกลับลืมสำรวจชะตาของท่านกับนางซึ่งไม่มีวันเป็นไปได้

ด้วยความคลั่งไคล้ อพอลโลจึงตามนางไปทุกหนทุกแห่งมิวายว่านางจะหลบหนีอย่างไม่คิดชีวิตก็ตาม อพอลโลพยายามร้องตะโกนเกลี้ยกล่อมมิให้นางวิ่งหนี พร่ำพรรณนาความรักอันมีต่อนาง หากดาฟนีนั้นมิได้ชอบพอในตัวอพอลโลทั้งยังรังเกียจ อาจจะเป็นเพราะศรของคิวปิดน้อยก็ได้ นางจึงคอยหนีท่านเรื่อยไป

อพอลโลถึงกลับคร่ำครวญว่า โอ้ ถึงแม้ศรข้าจะมีอานุภาพเกรียงไกร แต่ข้ากลับพ่ายแพ้แก่ลูกศรที่มีอานุภาพร้ายแรงกว่า นั่นคือศรรักที่ปักอกข้าจนทำให้ข้าร้อนรุ่มทรมาณด้วยความรักถึงเพียงนี้ แม้ข้าจะเป็นถึงเทพแห่งการเยียวยาผู้รักษาโรคร้ายให้มลายหายไปได้ แต่ข้ากลับพ่ายแพ้แก่โรครักซึ่งยาขนานใดก็ไม่สามารถเยียวยารักษาได้

ทว่า คำหวานของอพอลโลไม่สามรถโน้มน้าวใจดาฟนีได้ นางยังคงหนีต่อไป แม้อพอลโลจะยังคงติดตามอย่างไม่ลดละเช่นเดียวกัน ยิ่งเธอวิ่งผมของเธอก็ปลิวสยายไปกับสายลม เสื้อผ้าก็เริ่มหลุดลุ่ย ทำให้อพอลโลคลั่งไคล้ในตัวเธออีกเป็นทวีคูณ อพอลโลนั้นจึงเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้นเพื่อไล่ให้ทันเธอ ทิ้งการเกลี้ยกล่อมอันละมุนละม่อมไปเสีย ดังสุนัขป่าวิ่งรี่เข้าหาลูกแกะ

ดาฟนีนั้นกลัวจับใจ เรี่ยวแรงที่มีอยู่ก็เริ่มลดน้อยถอยลง เธอรู้ว่า อีกไม่นานอพอลโลคงจับตัวเธอได้เป็นแน่แท้ ดาฟนีจึงสวดอ้อนวอนขอต่อท่านพ่อคือพีนีอุสให้ช่วยเหลือเธอให้รอดพ้นจาก เงื้อมมือของอพอลโล ให้เปลี่ยนรูปร่างสะสวยของเธอที่นำมาซึ่งความหลงใหลของอพอลโล

ทันทีที่อพอลโลไล่ตามมาจนถึงตัวเธอและพยายามที่จะโอบกอดเธอนั้นคำขอของเธอก็สิ้นสุดลงพอดี ซึ่งพีนีอุสก็ให้พรตามขอ

ทันใดนั้นขาของเธอนั้นถูกตรึงอยู่กับที่ หน้าอกของเธอถูกปกคลุมด้วยเปลือกไม้ ผมของเธอนั้นกลายเป็นใบไม้
แล แขนทั้งสองข้างก็เหยียดสยายแผ่กิ่งก้าน เท้าของเธอกลายเป็นรากไม้หยั่งลึกลงไปในผืนดิน และใบหน้าที่สดสวยซึ่งนำมาซึ่งการไล่ล่านี้ก็กลายเป็นเพียงยอดไม้ ไม่เหลือเค้าความสวยงามใด

ดาฟนีนั้นได้กลายร่างเป็นต้นลอเรลอยู่ในอ้อมกอดของอพอลโลนั่นเอง






ความคิดเห็น